สังคมผู้สูงอายุกับโอกาสทองของงานบริบาล
จากข้อมูลของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) วิเคราะห์ว่า ปี 2565 ประเทศไทยได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society) จากมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ และในปี 2574 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) โดยจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ
จากสถานการณ์จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการประเมินและคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มติดสังคม กลุ่มติดบ้าน และกลุ่มติดเตียง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ “กลุ่มติดเตียง” มีประมาณ 3% หรือ 4 แสนคน จากผู้สูงอายุที่มีอยู่ประมาณ 13 ล้านคน
ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ใหญ่ของสังคม ที่ภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเตรียมพร้อมรับมือวางโครงสร้างกับสังคมผู้สูงอายุระยะยาว ในด้านสวัสดิการและสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการดูแลที่เหมาะสม ทั้งร่างกายและจิตใจ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “อาชีพนักบริบาล” เป็นอาชีพที่มีความสำคัญอีกหนึ่งอาชีพในอนาคต
ในขณะที่มีหลายสิ่งที่เอื้อให้อาชีพนักบริบาล สามารถประกอบอาชีพได้ไม่ยากนัก อาทิเช่น
- ใช้ระยะเวลาในการเรียนไม่นาน การเรียนเพื่อประกอบอาชีพนักบริบาล ตามหลักสูตรของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดหลักสูตร “ผู้ดูแลผู้สูงอายุ” ซึ่งใช้เวลาเรียนรวม 3 เดือน (420 ชั่วโมง) มีทั้งการเรียนในภาคทฤษฎี การฝึกปฏิบัติที่โรงเรียนกับเครื่องมือทางการแพทย์ของจริง และการฝึกงานที่สถานพยาบาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือชุมชน โดยผู้สอนควรเป็นพยาบาลวิชาชีพซึ่งจะเข้าใจบริบทของงานบริบาล และมีประสบการณ์โดยตรงเรื่องการพยาบาลผู้ป่วย/ผู้สูงอายุ
- เมื่อเรียนจบหลักสูตรของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพแล้ว จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการในระบบของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้เพิ่มความน่าเชื่อถือและเป็นการยืนยันคุณภาพของตัวเราเวลาไปสมัครงาน
- มีสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศเปิดสอนทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบ มหาวิทยาลัยบางแห่งที่มีการเรียนการสอนคณะพยาบาลศาสตร์ การเลือกเรียนที่ใดนั้นก็ควรเลือกเรียนในสถานที่เหมาะสมและลงตัวกับการใช้ชีวิตของเรามากที่สุด เช่น การเดินทาง การให้ข้อมูลของโรงเรียน อาจารย์ผู้สอนเป็นใคร มีระบบการเรียนที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราหรือไม่ อาทิ ระบบการเรียน online ที่ไม่ต้องเดินทางไปที่โรงเรียน และค่าเรียนที่เราสามารถจ่ายได้ เป็นต้น
- อายุที่สามารถเรียนได้ คือ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากจบแล้วจะสามารถทำงานได้เลยตามที่กฎหมายกำหนด
- การศึกษาที่สามารถเรียนได้คือ ตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไป โดยไม่กำหนดเกรดหรือผลการศึกษา
- จบแล้วมีงานรองรับทันที เนื่องจากมีสถานดูแลผู้สูงอายุหลายแห่งที่เปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต ทำให้ผู้ให้บริการด้านนี้ยังเป็นที่ต้องการอีกมาก
- ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับงาน ค่าตอบแทนขั้นต่ำ ณ ปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาทขึ้นไป ยังไม่รวมค่าทำงานล่วงเวลา โบนัส และสวัสดิการอื่นๆ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็จะมีความแตกต่างกันไป
- สามารถต่อยอดไปทำงานยังต่างประเทศได้ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนที่แต่ละประเทศกำหนด โดยในเบื้องต้นต้องสอบผ่านด้านการใช้ภาษาของแต่ละประเทศก่อน บางประเทศจะมีการทดสอบความรู้ด้านการบริบาลควบคู่ไปด้วย
- ที่สำคัญมากๆประการสุดท้ายคือ ด้วยความที่อาชีพนักบริบาลเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ ไม่ตกงานอย่างแน่นอน
จากที่กล่าวมาทั้งหมด นับเป็นโอกาสทองของอาชีพนักบริบาล ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นอาชีพแห่งอนาคตที่ทุกคนสามารถก้าวเข้ามาสู่อาชีพนี้ได้ และเป็นอาชีพที่ยังใช้ดูแลคนที่เรารักในครอบครัวของเราได้อีกนะคะ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ โรงเรียนเกื้อกรุณรการบริบาล โทร. 097 1838918
จริงมากๆครับ อาชีพนี้รายได้ดี มีงานทำตลอด